วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 5

่ลักษณะของวารสาร
จากความหมายดังกล่าว วารสาร จึงเป็นสิ่งพิมพ์ที่ออกต่อเนื่องตามกำหนดหรือ ออกตามวาระ สามารถนำมาพิจารณากำหนดเป็นลักษณะของวารสารได้ดังนี้
1. เป็นสิ่งพิมพ์ต่อเนื่อง (Periodical or Serial) มีกำหนดเวลาออก แน่นอนระยะเวลาที่นิยมกำหนดออก เช่น (วราวุธผลานันต์2536:5-6)
-รายสัปดาห์(Weekly)กำหนดออกสัปดาห์ละครั้งปีละ52ฉบับ
-รายปักษ์(Fortnightly)กำหนดออกทุก2สัปดาห์ปีละ26ฉบับ
-รายครึ่งเดือน(Semimonthly)กำหนดออกเดือนละ2ครั้งปีละ24ฉบับ
-รายเดือน(monthly)กำหนดออกเดือนละครั้งปีละ12ฉบับ
-รายหกเดือนหรือรายครึ่งปี(Semiannually)กำหนดออกทุก6เดือน
-รายปี(Annually)กำหนดออกปีละฉบับ
นอกจากนี้บางฉบับอาจมีการกำหนดระยะเวลาออกที่แตกต่างออกไปจากที่กล่าวมาแล้วเช่นรายครึ่งสัปดาห์ (Semiweekly) กำหนดออกสัปดาห์ละ 2 ฉบับ ปีละ 104 ฉบับ รายทศกำหนดออกทุก 10 วัน ปีละ 36 ฉบับ และรายสะดวกมีกำหนดออกไม่แน่นอนลักษณะความต่อเนื่องของวารสารไม่มีกำหนดว่าจะสิ้นสุดลงในฉบับใด
2. มีเลขกำกับประจำฉบับ ได้แก่ เลขปีที่ (Volume) เลขฉบับที่ ( Issue Number) และวัน เดือน ปี (Date) การนับลำดับฉบับที่อาจนับเป็นปีๆ เช่น วารสารรายเดือน แต่ละปีจะมีตั้งแต่ฉบับที่ 1-12 หรืออาจนับต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เช่นวารสารรายเดือน ฉบับแรกของปีที่ 2 ก็นับเป็นฉบับที่ 13 นอกจากเลขปีที่ ฉบับที่ และวันเดือนปี ซึ่งเป็นเลขที่ต้องต่อเนื่องเป็นลำดับกันไปแล้วยังมีเลขอีกชุดหนึ่งเป็นเลขเฉพาะที่แน่นอนไม่มีการเปลี่ยนแปลงถือเป็นรหัสประจำวารสารแต่ละชื่อ เพื่อการควบคุมทางบรรณานุกรม ในระบบข้อมูลวารสารระหว่างชาติ เรียกว่า เลขสากลประจำวารสาร (International Standard Serial Number-ISSN) ซึ่งศูนย์ข้อมูลวารสารระหว่างชาติระดับสากล มอบให้ศูนย์ข้อมูลวารสารระหว่างชาติ ประจำประเทศสมาชิกแต่ละประเทศ เป็นผู้กำหนดให้แก่วารสารแต่ละชื่อในประเทศของตน สำหรับประเทศไทยมีหอสมุดแห่งชาติ เป็นศูนย์ข้อมูลวารสารระหว่างชาติแห่งประเทศไทย เป็นผู้กำหนดวารสารแต่ละชื่อให้ได้รับหมายเลขสากลประจำวารสาร และจะต้องพิมพ์ไว้ที่หน้าปกหรือหน้าปกใน หรือสันวารสารใกล้ ๆ กับชื่อวารสาร มีอักษร ISSN ตามด้วยเลข อารบิค 8 ตัว มีเครื่องหมายยติภังค์ (-) คั่นระหว่าง เลข 4ตัวแรกกับเลข4ตัวหลังเช่นวารสารซีเนแม็กISSN0858-9305
3. รูปเล่ม มักทำให้มีบางส่วนมีลักษณะเหมือนกันทุกฉบับ เพื่อให้ผู้อ่านสังเกตและจำได้ง่าย เช่น ขนาดความกว้างยาวรูปแบบและสีของตัวอักษรชื่อวารสารที่หน้าปกและสัญลักษณ์ประจำวารสาร
4. เนื้อหา ประกอบด้วยบทความหลายบทความ จากผู้เขียนหลาย ๆ คน ถ้าเป็นวารสารมักจะเป็นวิชาการเฉพาะแขนงวิชา ถ้าเป็นนิตยสารมักจะมีบทความทั่ว ๆ ไป สารคดี หรือบันเทิง เช่น นวนิยาย เรื่องสั้น ลงติดต่อกันเป็นหลายๆ มีคอลัมน์บรรณาธิการ คอลัมน์ประจำ วารสารบางชื่อเนื้อหาอาจเป็นรูปภาพ เป็นบทวิจารณ์ สรุปข่าวและวิเคราะห์เหตุการณ์บ้านเมืองฯลฯทั้งนี้เป็นไปตามประเภทและวัตุประสงค์ของวารสารแต่ละฉบับ
5. ผู้จัดพิมพ์ ผู้จัดพิมพ์วารสารอาจเป็นเอกชน หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบัน องค์การ สมาคม ชมรม โดยมีวัตถุประสงค์บางอย่าง เช่น เพื่อเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการ ประชา-สัมพันธ์หน่วยงาน ให้ความบันเทิง ความรู้ทั่วไปหรือเพื่อธุรกิจการค้าเป็นต้น
6. การเผยแพร่ มีทั้งการจำหน่ายและแจกฟรี การจำหน่ายอาจวางจำหน่ายตามร้านขายหนังสือ การให้ผู้อ่านบอกรับเป็นสมาชิกประจำค่าวารสารล่วงหน้าแล้วผู้จัดพิมพ์เป็นผู้ส่งวารสารไปให้สมาชิก
คำศัพท์ที่นิยมใช้เรียกวารสารในลักษณะต่างๆ รวบรวมได้ 9 คำ ดังนี้ ( วราวุธ ผลานันต์ 2536 : 7-8)
1.Periodicalเป็นคำที่ใช้เรียกสิ่งพิมพ์ต่อเนื่องทุกชนิดทุกประเภท
2.Serialหมายถึงสิ่งพิมพ์เข้าชุดหนังสือเข้าชุด
3.Journalหมายถึงวารสารที่สถาบันองค์กรสมาคมหรือหน่วยงานทางวิชาการจัดพิมพ์ขึ้น
4.Magazineหมายถึงวารสารทั่วไป
5.Bulletinหมายถึงวารสารของหน่วยงานราชการหรือเอกชน
6.Gazetteหมายถึงวารสารทางราชการ
7.Proceedingเป็นสิ่งพิมพ์ที่รวบรวมเรื่องราวและผลการศึกษา
8.Transactionหมายถึงสิ่งพิมพ์ที่รวบรวมบทความสุนทรพจน์สาระสังเขปของบทความทางวิชาการ
9.AnnualorAnnalหมายถึงวารสารรายปี
ประเภทของวารสาร
1.แบ่งตามแหล่งที่ออกวารสาร(สมาคม)
1.1วารสารสมาคมและสถาบันวิชาการและวิชาชีพ
1.2วารสารประชาสัมพันธ์(HouseJournal)
-วารสารประชาสัมพันธ์ภายนอกหน่วยงาน
-วารสารประชาสัมพันธ์ภายใน
1.3วารสารของหน่วยงานเอกชนซึ่งพิมพ์เพื่อการค้า
-วารสารซึ่งลงข้อมูลปฐมภูมิหรือข้อมูลต้นเรื่องพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ทางการค้า
-วารสารเทคนิคและการค้า
-วารสารซึ่งควบคุมยอดจำหน่าย
2.แบ่งตามลักษณะของผู้อ่าน
-วารสารสำหรับอ่านทั่วไป
-วารสารสำหรับอ่านเฉพาะกลุ่ม
3.แบ่งตามข้อมูลตามวารสาร
-วารสารซึ่งลงข้อมูลต้นเรื่อง
-วารสารซึ่งลงข้อมูลรอง
4.แบ่งตามกลุ่มวิชาใหญ่ๆ
5.แบ่งตามกำหนดออก
นอกจากนี้หากจะแบ่งประเภทวารสารทั่วไปอย่างคร่าวๆสามารถแบ่งออกได้3ประเภทคือ
1.วารสารวิชาการ
2.วารสารกึ่งวิชาการ
3.วารสารบันเทิง

วารสารเป็นสิ่งพิมพ์ที่ลักษณะเนื้อหาแตกต่างจากสิ่งพิมพ์ประเภทอื่นๆคือ
มีเนื้อหา หลายลักษณะ หลายเรื่องรวมอยู่ในฉบับเดียวกัน การจัดหมวดหมู่ของเนื้อหาในวารสาร มีผู้ศึกษาและจัดหมวดหมู่ไว้แตกต่างกันดังนี้คือ
สมสนิทสกุลธนะได้สรุปเนื้อหาของวารสารไว้9ส่วนคือ(สมสนิทสกุลธนะ2528:15-)
1.บทความวารสารบางฉบับมีบทความเป็นองค์ประกอบสำคัญของเนื้อหา
2.นวนิยายและเรื่องสั้นพิมพ์เป็นตอนๆ บางฉบับเสนอนวนิยายเป็นเนื้อหาหลัก มีสารคดีและบทความเป็นเนื้อหารองวารสารที่ทำเป็นธุรกิจการค้าส่วนมากเสนอนวนิยายมากกว่าบทความสารคดีและข่าวสาร
3. ภาพ ได้แก่ ภาพถ่าย ภาพเขียน หรือภาพวาด เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของวารสารทุกฉบับและทุกประเภท
4.ข่าวมักใช้เป็นองค์ประกอบของวารสารทุกชิด
5. คอลัมน์บรรณาธิการ เป็นส่วนสำคัญของวารสารประเภทแสดงความคิดเห็นและวารสารของทางบริษัท ห้างร้านองค์การธุรกิจต่างๆ
6. คอลัมน์ต่าง ๆ เป็นส่วนสำคัญของวารสาร เช่น จดหมายถึงบรรณาธิการ อาหาร แฟชั่น สุขภาพ ฯลฯ
7. คำประพันธ์ เช่น โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน เป็นส่วนที่แสดงออกทางความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ของมนุษย์ที่อยู่ในวัฒนธรรมเดียวกันของทุกชาติทุกภาษา
8. การ์ตูนและขำขัน เป็นเนื้อหาอย่างหนึ่งของวารสารแทบทุกชนิด ซึ่งช่วยผ่อนคลายความตรึงเครียดของผู้อ่านได้อย่างดี
9. เบ็ดเตล็ดและเรื่องแทรก จะช่วยให้การจัดหน้า เช่น ปริศนา อักษรไขว้ เกมต่างๆ การทายปัญหา ความรู้รอบตัว เป็นต้น
วิษณุ สุวรรณเพิ่ม จัดเนื้อหาของวารสารเป็นคอลัมน์ประเภทต่างๆ 10 ประเภทคือ (วิษณุ สุวรรณเพิ่ม 2521 : 280-282)
1. คอลัมน์วิจารณ์ เสนอข้อโต้แย้ง ตำหนิ ชมเชย และชี้แนวทางของเหตุการณ์ หรือ เรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว วิจารณ์ข้อดีข้อเสีย และให้เหตุผลตามที่ข้อมูลที่ได้รับมา
2. คอลัมน์ซุบซิบ รายงานเกี่ยวกับความเป็นไปของบุคคล ทั้งบุคคลสำคัญในรัฐบาลและบุคคลในอาชีพต่างๆ เช่นในวงการกีฬา นักร้อง นักแสดง นักการเมือง เป็นต้น
3. คอลัมน์แนะแนว เช่นการแนะแนวการศึกษา การเกษตร กฏหมาย สุขภาพอนามัย งานอดิเรก เป็นต้น
4. คอลัมน์บริการ เปิดบริการแก่ประชาชนในเรื่องเดือดร้อนต่างๆ
5. คอลัมน์ร้อยกรอง สำหรับกวีอาชีพและสมัครเล่น เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ
6. คอลัมน์ขำขัน เพื่อให้ผู้อ่านมีอารมณ์ขบขัน เบาสมอง บางฉบับมีภาพการ์ตูนประกอบ
7. คอลัมน์ความเรียง มีเนื้อหากว้างมาก เปิดโอกาสให้ผู้อ่านได้รับความรู้ในเรื่องต่าง ๆ การค้นพบ การประดิษฐ์ ฯลฯ โดยเขียนเป็นเรียงความจะเรื่องสั้นหรือเรื่องยาวขึ้นอยู่กับเรื่องที่นำมาลง ส่วนมากเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิทยาการ เศรษฐกิจ และสังคม เป็นต้น
8. คอลัมน์บุคคล เสนอเรื่องราวของบุคคลต่างๆ ที่มีชื่อเสียง บุคคลที่เป็นข่าวให้ผู้อ่านได้ทราบประวัติ ประสบการณ์ ผลงานและภาระกิจต่างๆ ในชีวิตประจำวันทั้งในอดีตและในปัจจุบันและอนาคต
9. คอลัมน์แสดงความคิดเห็น ชี้ข้อดีข้อเสียของเรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการแสดงความคิดเห็นของผู้เขียนเอง
10. คอลัมน์เบ็ดเตล็ด เสนอเรื่องราวทั่ว ๆไป เช่น รายงานข่าว วิพากษ์วิจารณ์ เรื่องราวซุบซิบ ประกาศ สุนทรพจน์ สุภาษิต ฯลฯ โดยทั่วไปจะเกี่ยวกับบุคคลมากที่สุด ข่าวและสิ่งต่างๆ จะเป็นเรื่องลงมา


เอกสารการสอนชุดวิชาความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสิ่งพิมพ์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ได้กำหนดส่วนประกอบของเนื้อหาในวารสารไว้ 3 ส่วน คือ (พีระ จิรโสภณ 2533 : 212-217)
1. คอลัมน์ประจำ เป็นเรื่องที่มีเนื้อหาสาระแนวเดียวกัน ต่อเนื่องกันหลายฉบับ
2. บทความในคอลัมน์ประจำ เป็นคอลัมน์ที่เปิดไว้สำหรับเสนอบทความ เรื่องราวตามแนววัตถุประสงค์ของวารสาร
3. เรื่องทั่วๆ ไป เช่น นวนิยาย เรื่องสั้น แนะนำการท่องเที่ยว และโบราณคดี เป็นต้น องค์ประกอบส่วนนี้จะช่วยให้วารสารได้รับความนิยมจากผู้อ่านได้ไม่น้อย
จากเนื้อหาของวารสารที่กล่าวมานี้ สรุปได้ว่า โดยทั่วๆ ไปวารสารมีเนื้อหาประกอบด้วยบทความที่ให้ความรู้ การวิจารณ์แสดงความคิดเห็น ข่าว เรื่องที่ให้ความบันเทิงในรูปแบบต่างๆ เช่น นวนิยาย เรื่องสั้น ขำขัน การ์ตูน ฯลฯ ประกาศ โฆษณา เป็นต้น วารสารฉบับใดจะมีเนื้อหาส่วนใดมากน้อยเพียงใด ย่อมขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของวารสารฉบับนั้นๆ
วัตถุประสงค์ของวารสารในการจัดทำวารสารออกเผยแพร่ ผู้จัดทำย่อมมีวัตถุประสงค์เฉพาะ ซึ่งอาจระบุไว้อย่างชัดเจนหรือไม่ระบุไว้ก็ได้ จากการศึกษาของ พิมอัจฉรา ปวนะฤทธิ์ เมื่อปี พ.ศ. 2528 สรุปวัตถุประสงค์ในการจัดทำวารสารของสถาบันอุดมศึกษาได้ 8 ประการ ดังต่อไปนี้ คือ (พิมอัจฉรา ปวนะฤทธิ์ 2528 : 426-427 )
1. เพื่อเผยแพร่ความรู้ แนวความคิด ทฤษฎี หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ ในศาสตร์สาขาต่างๆ รวมทั้งความรู้ เกี่ยวกับหน่วยงานและการดำเนินงานบริการชุมชนต่างๆ ในรูปของบทความผลงานวิจัย วิทยานิพนธ์ หรือบทคัดย่อผลงานต่างๆ ข้อคิดเห็น ประกาศ คำสั่ง และระเบียบต่างๆ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ทางด้านการศึกษาหาความรู้ของบุคคลในแขนงต่าง ๆ และบุคคลทั่วไป และเพื่อชื่อเสียงของหน่วยงานผู้จัดทำ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งให้นักวิชาการ นักศึกษาและอาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษาได้พิมพ์ผลงานในสาขาวิชาการต่างๆออกเผยแพร่
2. เพื่อส่งเสริมการศึกษาค้นคว้าในวิทยาการแขนงต่างๆ โดยการกระตุ้นให้เกิดการศึกษาค้นคว้า พัฒนาความรู้ทางวิชาการ ตลอดจนติดตามความเคลื่อนไหวทางวิชาการ ให้ผู้สนใจได้นำไปศึกษาค้นคว้าให้ศาสตร์นั้นๆ เจริญรุดหน้ายิ่งขึ้นและเป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอนของสถาบัน
3. เพื่อเป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิด เจตคติ และประสบการณ์ระหว่างนักวิชาการ สถาบันการศึกษาและบุคคลทั่วๆไป
4. เพื่อการประชาสัมพันธ์ให้เกิดความเข้าใจอันดีต่อกันระหว่างหน่วยงานกับบุคคลภายใน ระหว่างบุคคลภายในและภายนอกสถาบัน หรือระหว่างนักศึกษาเก่าของสถาบัน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเสนอข่าวความเคลื่อนไหวทั้งเรื่องของบุคคลและกิจกรรมของหน่วยงาน
5. เพื่อการฝึกงานภาคปฏิบัติของนักศึกษา เช่น วารสารนกยูงทองของคณะวารสารศาสตร์และสื่อมวลชนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
6.เพื่อเป็นเอกสารประกอบการศึกษาเช่นใช้อ่านประกอบวิชาที่กำลังศึกษาใช้อ้างในการศึกษาค้นคว้าเป็นต้น
7. เพื่อความบันเทิง ในวารสารบางฉบับ นอกจากเนื้อหาสาระที่ให้ความรู้ทางวิชาการ แล้วยังมุ่งให้ความบันเทิงแก่ผู้อ่านอีกด้วย
8. วารสารที่ไม่ได้ระบุวัตถุประสงค์ไว้ในเล่ม วัตถุประสงค์ดังกล่าวเป็นวัตถุประสงค์ของวารสารวิชาการ ซึ่งสรุปได้ว่า ส่วนใหญ่เน้นการเผยแพร่ แลกเปลี่ยน การศึกษาค้นคว้าความรู้ทางวิชาการในสาขาวิชาการต่าง ข่าวสารการประชา-สัมพันธ์และอาจจะมีวัตถุประสงค์มุ่งให้ความบันเทิงบ้างก็ได้ ตรงกันข้ามกับนิตยสารซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่เน้นต่างกัน กล่าวคือ นิตยสารส่วนใหญ่เป็นการจัดทำขึ้น เพื่อหวังผลในทางธุรกิจ ต้องการให้มีผู้อ่านเป็นจำนวนมากและให้ติดตามอ่านกันเป็นประจำ นิตยสารจึงมีวัตถุประสงค์เน้นให้ความบันเทิง ให้ความรู้ทั่วไป และเรื่องราวที่อยู่ในความสนใจของสังคมเป็นหลัก ส่วนการเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการเป็นวัตถุประสงค์รอง ดังนั้นนิตยสารส่วนใหญ่จึงจัดทำอย่างสวยงาม มีภาพสวยงามเป็นจำนวนมากประกอบเนื้อหา เพื่อเรียกร้องความสนใจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น